1.จากประสบการที่ผมสอนใน ร.ร. กว่า 10 ปี เวลานี้คือช่วงที่เด็กๆ ให้ความสนใจกับสังคมมากที่สุดจริงๆ
2.พวกเขาต้องการพื้นที่ปลอดภัยที่จะพูดคุยเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังจาก ร.ร. และครอบครัว
3.เพราะมันคือเรื่องของอนาคตที่พวกเขามีสิทธิจะรู้ หากรู้แล้วไม่โอเค พวกเขาก็อยากร่วมแก้ไขด้วย
4.Save Our Future คือเลนส์ที่รุ่นพวกเราเคยใช้มองปัญหา แต่ Everyday Is Future คือเลนส์ที่เด็กๆ รุ่นนี้ใช้มอง
5.พวกเขาเชื่อว่าการช่วยสังคมยุคนี้ไม่ควรเป็นเรื่องของการแข่งขัน ไม่ควรต้องหาผู้ชนะหรือผู้แพ้
6.การออกแบบพื้นที่ปลอดภัยในวันนี้ จึงเป็นเรื่องการสนับสนุนคนที่ไม่ได้รับโอกาส ให้เขาไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง และนี่คือ Core Value ของโปรเจคที่จะทำนี้
7. DRALEMMA คือ ชื่อโปรเจคที่ผมกับน้องๆ กำลังเริ่มทำ และอยากชวนเพื่อนๆ ศิลปินแขนงต่างๆ หรือคนทีทำงานด้านสังคม/ธุรกิจ ที่สนใจทำงานกับเยาวชนมาร่วมงานร่วมแจมกัน
8.และเราเชื่อสุดใจว่า วันนี้ถ้าผู้คนยังดูหนัง ฟังเพลง ชมงานศิลปะ ดูการแสดง หากศิลปะถูกออกแบบดีๆ มันจะเป็นเครื่องมือสื่อสารปัญหาสังคมที่มีพลังมากๆ
9.จะดีแค่ไหนถ้าอนาคตมี Arts Community ที่มีแผนพัฒนาชัดเจนให้เยาวชนที่มีแพชชั่นด้านศิลปะ-สังคม ได้เรียนรู้ ได้เป็น Role Model เป็นกระบอกเสียงใหม่ให้สังคม
10.เพราะสภาพแวดล้อมในสังคมตอนนี้ ไม่ใช่สภาพที่จะช่วยให้เด็กๆ เหล่านี้ได้พัฒนาและใช้ประสิทธิภาพของตัวเองอย่างเต็มที่จริงๆ เราจึงต้องทำ
11.หากใครอ่านถึงตรงนี้และสนใจแนวคิดนี้ สามารถทักทาย ร่วมแลกเปลี่ยน หรือช่วยกันบอกต่อและแชร์ได้นะคับ ยินดีมากๆ
12.ผมเองก็จะร่วมด้วย โดยใช้กองทุนศิลปะไมตรีมิตรที่ผมกำลังทำ เพื่อช่วยสนับสนุนไอเดียศิลปะที่อยากสร้าง Impact กับสังคม ให้มีโมเดลธุรกิจ มีทีมช่วยดีๆ เพื่อให้โปรเจคมีความยั่งยืนจริงๆ ( ขอแปะลิงค์ไอเดียกองทุนเผื่อใครสนใจไอเดียนี้ https://shorturl.asia/atyxM )
13.โปรเจคนี้อยู่ในสเตจเริ่มต้น กำลังเริ่ม Test กิจกรรมต่างๆ ตอนนี้กำลังลองใช้แขนงการแสดงเพื่อช่วยเยาวชนที่อยากสื่อสารปัญหาต่างๆ ให้มีความน่าสนใจขึ้น ลองดูในเพจหรือไอจี “Dralemma”
14.สุดท้าย.. ให้มันเริ่มที่ยุคเรา ฝากสนับสนุนโปรเจคนี้ด้วยนะทุกคน